สกุลเงิน
ภาษา
ตะกร้าสินค้า

Privacy Policy

ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)


บริษัท อิมแฟท (ประเทศไทย) จำกัด (“บริษัทฯ”) เคารพความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และจะดูแลให้เจ้าหน้าที่ของเราปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย และการรักษาความลับอย่างเคร่งครัดในเรื่องเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ไว้วางใจมอบให้แก่บริษัทฯ เพื่อป้องกันการเข้าถึง เปิดเผย นำไปใช้ หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยมิได้รับอนุญาต และเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทฯ จึงจัดทำนโยบายฉบับนี้ขึ้นเพื่อท่านจะเข้าใจนโยบาย แนวปฏิบัติ และวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ ดังนั้น บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบถึงรายละเอียดของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

คำจำกัดความ

ในประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ คำต่อไปนี้จะมีความหมายตามที่ระบุไว้ข้างล่างนี้ เว้นแต่เมื่อบริบทกำหนดเป็นอย่างอื่น
“พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎ ข้อบังคับ แนวปฏิบัติ ประกาศ และคำสั่งใด ๆ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่อาจมีการแก้ไขเพิ่มเติม ออกเพิ่มเติม หรือออกเพื่อใช้บังคับแทนที่เป็นคราว ๆ ไป
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งช่วยให้ระบุตัวตนของบุคคลดังกล่าวได้ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม แต่จะไม่รวมถึงข้อมูลของบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว
“ประมวลผล” หมายถึง การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย โอน เก็บรักษา หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่าง ๆ ที่ระบุในมาตรา 26 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อันได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
1. บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็น เกี่ยวข้อง และเหมาะสม เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เท่านั้น ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ประมวลผลได้แก่

 ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล

 รายละเอียด

ข้อมูลที่ใช้ในการระบุตัวตน

ชื่อ นามสกุล ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ วันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย

ข้อมูลการติดต่อ

ที่อยู่อีเมล หมายเลขโทรศัพท์มือถือ หมายเลขโทรศัพท์สำนักงาน หมายเลขติดต่ออื่น ๆ ที่อยู่สำหรับติดต่อ ที่อยู่สำหรับส่งใบแจ้งหนี้/ใบเสร็จรับเงิน

ข้อมูลด้านการเงิน หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี หมายเลขบัญชีธนาคาร ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งอาจแสดงอยู่ในใบแจ้งหนี้ค่าสาธารณูปโภค
ข้อมูลการติดต่อกับบริษัทฯ เทปบันทึกในกรณีที่ท่านเข้ามาติดต่อบริษัทฯ ซึ่งอาจเป็นภาพหรือเสียง ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ และไม่ว่าโดยการที่ท่านได้ให้ข้อมูลไว้ หรือที่บริษัทฯ มีอยู่ หรือ ที่บริษัทฯ ได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่นที่น่าเชื่อถือ เช่น หน่วยงานราชการ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน และ/หรือพันธมิตรของบริษัทฯ หรือที่ปรึกษาต่าง ๆ ของบริษัทฯ
ข้อมูลที่เก็บรวบรวมโดยอัตโนมัติ ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าถึงและเยี่ยมชมเว็บไซต์ หน้าเว็บเพจที่เข้าเยี่ยมชม ประวัติการค้นหาบนเว็บไซต์ ไอพีแอดเดรส ประเภทและรูปแบบของเบราว์เซอร์ หน้าเว็บเพจที่นำมาสู่เว็บไซต์ ระบบปฏิบัติการ การบันทึกวันและเวลา และเส้นทางการใช้งานเว็บไซต์ที่เก็บรักษาไว้ในไฟล์บันทึกข้อมูล

2.ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์จะเก็บเก็บรวบรวมหรือใช้ข้อมูลเกี่ยวกับ เชื้อชาติ ศาสนา หมู่โลหิต หรือข้อมูลอื่นใดนอกเหนือไปจากข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ระบุไว้แล้วข้างต้น ถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะปรากฏอยู่บนบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้สมัครใจเปิดเผยไว้ต่อบริษัทฯ ดังนั้น กรุณาดำเนินการให้แน่ใจว่าท่านได้ลบข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่าน (ถ้ามี) ออกจากสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่านก่อนที่จะส่งให้แก่บริษัทฯ2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์จะเก็บเก็บรวบรวมหรือใช้ข้อมูลเกี่ยวกับ เชื้อชาติ ศาสนา หมู่โลหิต หรือข้อมูลอื่นใดนอกเหนือไปจากข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ระบุไว้แล้วข้างต้น ถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะปรากฏอยู่บนบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้สมัครใจเปิดเผยไว้ต่อบริษัทฯ ดังนั้น กรุณาดำเนินการให้แน่ใจว่าท่านได้ลบข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่าน (ถ้ามี) ออกจากสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่านก่อนที่จะส่งให้แก่บริษัทฯ
3. สำหรับผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคล บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมเอกสารบริษัทจากท่านหรือหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลของบุคลากรที่เกี่ยวข้องของท่าน เช่น หนังสือรับรองบริษัทและรายชื่อผู้ถือหุ้น

 

วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

1. บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นและเพียงพอ แต่ไม่เกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ข้างล่างในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

 วัตถุประสงค์  ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล และฐานตามกฎหมาย
เพื่อติดต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องผ่านรายละเอียดการติดต่อทางธุรกิจของบุคคลดังกล่าว

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล
-ข้อมูลที่ใช้ในการระบุตัวตน
-ข้อมูลติดต่อ

ฐานตามกฎหมาย
-ผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมาย

เพื่อพิจารณาและประเมินความน่าเชื่อถือและพิสูจน์ตัวตนก่อนเข้าทำข้อตกลงหรือสัญญาต่าง ๆ กับทางบริษัทฯ เช่น การจัดทำสัญญา การตรวจสอบคู่สัญญา การปฏิบัติตามสัญญา การชำระค่าสินค้าและบริการ รวมไปถึงเอกสารอื่น ๆที่เกี่ยวข้อง

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล
-ข้อมูลที่ใช้ในการระบุตัวตน
-ข้อมูลติดต่อ
-ข้อมูลด้านการเงิน

ฐานตามกฎหมาย
สำหรับบุคคลธรรมดา
- ผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมาย สำหรับการพิจารณาและประเมินความน่าเชื่อถือและการพิสูจน์ตัวตน และ
- ดำเนินการตามคำขอในการเข้าทำข้อตกลง
สำหรับนิติบุคคล
-ผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมาย

การใช้สิทธิและปฏิบัติหน้าที่ตามข้อตกลงที่เข้าทำกับท่านผู้ที่เป็นบุคคลธรรมดาหรือที่เป็นนิติบุคคล และดำเนินกิจกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงที่ท่านได้เข้าทำกับบริษัทฯ เช่น การออกใบแจ้งหนี้ การออกใบเสร็จรับเงิน
นอกจากนี้ ยังรวมถึงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการชำระเงิน ภาษี และวัตถุประสงค์ด้านการเงินอื่น ๆ ตามข้อตกลง เพื่อจัดทำ รักษาไว้ และปรับปรุงบันทึก ซึ่งแสดงรายการผู้ที่เป็นบุคคลธรรมดาและผู้ที่เป็นนิติบุคคล

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล
-ข้อมูลที่ใช้ในการระบุตัวตน
-ข้อมูลติดต่อ
-ข้อมูลด้านการเงิน

ฐานตามกฎหมาย
สำหรับบุคคลธรรมดา
-การปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา
สำหรับนิติบุคคล
-ผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมาย

เพื่อสื่อสารกับท่านเกี่ยวกับข้อสงสัยหรือข้อกังวลใด ๆ ที่ท่านอาจมี

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล
-ข้อมูลที่ใช้ในการระบุตัวตน
-ข้อมูลติดต่อ

ฐานตามกฎหมาย
-ผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมาย

เพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมาย ข้อบังคับ หรือคำสั่งของหน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ หรือศาล รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การดำเนินการตามคำขอของท่านในการใช้สิทธิในข้อมูลส่วนบุคคล การยื่นแบบแสดงรายการภาษี การติดตามหนี้

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล
-ข้อมูลที่ใช้ในการระบุตัวตน
-ข้อมูลติดต่อ
-ข้อมูลด้านการเงิน

ฐานตามกฎหมาย
-หน้าที่ตามกฎหมาย

เพื่อกำหนด ปฏิบัติตาม ใช้สิทธิ หรือต่อสู้การใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมายหากเกิดข้อพิพาทขึ้น

 

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล
-ข้อมูลที่ใช้ในการระบุตัวตน
-ข้อมูลติดต่อ
-ข้อมูลด้านการเงิน

ฐานตามกฎหมาย
-หน้าที่ตามกฎหมาย
-ผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมาย

 2. หากบริษัทฯ จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้ข้างต้นนี้ บริษัทฯ จะบอกกล่าวให้ท่านทราบวัตถุประสงค์ใหม่ดังกล่าว และหากกฎหมายกำหนด บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากท่านในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวก่อน เว้นแต่เมื่อกฎหมายกำหนดเป็นอย่างอื่น

สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
โดยอยู่ภายใต้บังคับข้อจำกัดและเงื่อนไขของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิต่อไปนี้ในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้กับบริษัทฯ (ถ้ามี)
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน รวมทั้งขอรับสำเนาส่วนบุคคล และขอให้เปิดเผยการได้มากรณีที่ไม่ได้รับความยินยอมจากท่านก่อน (ถ้ามี)
3. สิทธิในการขอรับหรือขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ
4. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน
5. สิทธิในการร้องขอให้บริษัทฯ ดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
6. สิทธิในการขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน
7. สิทธิในการขอให้บริษัทฯ ดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
8. สิทธิร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในกรณีที่ท่านเห็นว่าบริษัทฯ ดำเนินการไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

ในกรณีที่ท่านประสงค์จะเข้าถึงหรือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทฯ อาจขอให้ท่านแสดงข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อพิสูจน์และยืนยันตัวตนของท่าน หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือหมายเลขหนังสือเดินทาง หรือเลขทะเบียนบริษัทเป็นข้อมูลที่แก้ไขไม่ได้ เว้นแต่เมื่อพิสูจน์ได้ว่าข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกต้อง บริษัท จะตอบกลับคำขอของท่านภายในระยะเวลาตามสมควรและภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และจะใช้ความพยายามที่จะตอบกลับคำขอของท่านเมื่อใดก็ตามที่ทำได้ แต่ในขอบเขตที่กฎหมายอนุญาต บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิที่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามสมควรจากท่านในการดำเนินการดังกล่าว

สถานที่การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในรูปแบบกระดาษ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไว้ที่ บริษัท อิมแฟท (ประเทศไทย) จำกัด

ระยะการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตลอดระยะเวลาของสัญญา และเก็บรักษาต่อไปเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปีหลังจากนั้น ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่เมื่อกฎหมายที่ใช้บังคับกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้บริษัทฯ จะลบหรือทำลายข้อมูล เมื่อไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ หรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว

การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว
บริษัทฯ สงวนสิทธิที่จะปรับปรุง แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขเพิ่มเติมประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ได้ทุกเมื่อตามที่บริษัทฯ เห็นว่าจำเป็น โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ดังนั้นขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ท่านทบทวนประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ที่เป็นปัจจุบันไว้บนเว็ปไซต์ของบริษัทฯ www.imfat.co.th ในกรณีที่บริษัทฯ พิจารณาเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อาจส่งผลกระทบต่อท่านอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทฯ จะบอกกล่าวให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และหากกฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด จะขอความยินยอมจากท่านก่อนที่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้

การติดต่อสอบถาม
หากท่านต้องการติดต่อหรือมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การใช้สิทธิหรือถอนความยินยอม หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้ดังช่องทางต่อไปนี้
บริษัท อิมแฟท (ประเทศไทย) จำกัด
ที่อยู่ 15/16 หมู่ที่ 18 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 10540
โทรศัพท์ 02-045-4768-9
อีเมลล์ imfatthai@gmail.com

ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565

 

 

 


08 มิถุนายน 2565

ผู้ชม 576 ครั้ง

Engine by shopup.com